“哎呦喂,好不想和ta说话哦”“和ta说话好烦哦”……这是不是你某个时刻的内心独白呢,为什么会产生这种情况?通过调查,原来都是说话方式惹的祸!我们一起来阅读一下这篇文章,了解一下影响他人心情的十种说话方式。
ไม่รู้ว่าทุกๆคนเคยเจอเหตุการณ์แบบที่ว่า “เวลาคุยกับคนๆนั้นทีไร จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาตลอด” บ้างหรือเปล่า หลายๆคนอาจจะอธิบายออกมาไม่ได้ว่าความรู้สึกดังกล่าวเกิดจากอะไร แต่เราได้ทำการสำรวจและสรุปออกมาเป็นอันดับ “วิธีพูดที่ทำให้คนฟังหงุดหงิด” เชื่อได้เลยว่าพอคุณอ่านแล้วจะต้องรู้สึกอินตามไปด้วยแน่ๆ เรามาดูกันดีกว่าว่า 10 อันดับมีอะไรกันบ้าง不知道大家曾经有没有遇到过这种情况:“一和某些人说话就很暴躁”。很多人可能都无法解释这样的感觉是怎样产生的,但我们做了一项调查并得出了结论“说话方式让听者暴躁”相信你读完这篇文章,你就会有同感,我们一起来看看都有哪些吧。
10.พูดเร็วเกินไป10.语速过快
พูดเร็วเกินไปจนฟังไม่รู้เรื่องว่าพูดอะไร บางทีคนพูดก็อาจจะตื่นเต้นลนลานจนลิ้นพันกัน แต่ต้องบอกไว้เลยว่าการพูดเร็วเกินไปอาจจะทำให้ถูกเกลียดได้นะ语速过快,以至于让人不知道说了什么,有时候说话者可能比较激动慌张甚至连舌头都伸不直了,但必须要告诉你,说的过快会招人讨厌的。
9.ตอบแบบไม่รักษาน้ำใจ9.不走心的回答
การตอบรับแบบที่เห็นด้วยกับฝ่ายตรงข้าม แต่กลับตอบแบบส่งๆขอไปทีอย่าง “กะไว้แล้วเชียว” “รู้อยู่แล้วน่ะ” หรือการตอบรับแบบที่ทำให้เผลอคิดไปว่า “นี่รู้อยู่แล้วจริงๆหรอ” อาจจะทำให้เราถูกเหม็นขี้หน้าได้在表达赞同或反对的意见时,却用很敷衍的方式回答,比如:“早就料到了”“知道了”或者回答的让人想“ta真的知道了吗”,可能会遭嫌弃。
8.เปลี่ยนน้ำเสียงไปตามผู้ฟัง8.根据听众改变说话语气
ดูเหมือนว่าหลายๆคนจะไม่ค่อยชอบคนที่เปลี่ยนน้ำเสียงการพูดไปตามผู้ฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เวลาพูดกับเพื่อนต่างเพศก็ใช้อีกเสียงนึง เวลาคุยกับเพศเดียวกันก็ใช้อีกเสียงนึง เคสนี้ดูเหมือนว่าจะโดนเกลียดเป็นพิเศษ看起来很多人不太喜欢那些根据听众方来改变语气的人,尤其是和异性说话的时候用一种语气,和同性说话的时候就用另一种语气,这种情况尤其招人讨厌。
7.พูดว่า “แต่ในทางตรงกันข้าม” แบบส่งๆ7.随意地说出“但从另一方面”说
เวลาที่พูดอะไรที่ไม่ได้ตรงกันข้ามกับที่พูดไปแล้วเลยสักนิด ก็จะรู้สึกว่า “มันไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน” จนเสียสมาธิไปเลยทีเดียว แต่บางคนอาจจะแค่พูดเป็นคำติดปากเฉยๆก็ได้后面说的东西与之前所说的根本没有什么差别,就让人觉得:“没发现区别在哪”,于是失去了耐心,但是有些人只是口头禅而已。
6.ลากหางเสียง6.拉尾音
5.เปลี่ยนความเห็นไปๆมาๆ5.来来回回的改变观点
เรื่องนี้จะต่างจากเรื่องวิธีการพูดอยู่นิดหน่อย แต่คนที่เปลี่ยนความคิดเห็นไปมาก็ติดอันดับด้วยเหมือนกัน การทำเช่นนั้นจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่า “อะไรเนี่ย ไม่เห็นจะเหมือนที่พูดเมื่อกี้เลย”这种情况与说话方式有点区别,但是来来回回改变观点的人也进入了排名,那样的情况会让听众觉得:“说的什么啊,和刚才说的不一样”。
4.พูดยาวเป็นพิเศษ4.说话过于冗长
พูดยาวมากกกจนไม่รู้ว่าใจความสำคัญอยู่ที่ตรงไหน ยิ่งฟังแล้วก็ยิ่งเหนื่อย ฟังแล้วก็ไม่เข้าหัว说话太啰嗦以至于不知道重点在哪里,越听越累,听过之后也不进脑子里。
3.พูดคลุมเครือ3.说的含糊
ไม่พูดข้อสรุปสักที พูดจนทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่า “นี่อยากจะพูดอะไรกันแน่เนี่ย?” เป็นอย่างนี้บ่อยๆจะโดยเกลียดเอาง่ายๆนะ说话没有明确的观点,让听众觉得:“到底想表达什么啊“经常这样很容易被别人讨厌啊。
2.เริ่มต้นด้วยคำว่า “แต่…”2.以:“但…”做开头
ขณะที่พูดจะเริ่มพูดจากคำว่า “แต่” ฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังพูดแก้ตัวอยู่ พอเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการปฏิเสธ มันจะรู้สึกเหมือนกับไม่มีอารมณ์จะคุยด้วยแล้ว当说话以“但…”开头,听了之后就让人觉得正在为自己辩解,一开始就否定,让人失去聊天的心情。
1.ไม่ยอมฟังจนจบ1.不愿意听完别人所说的话
อันดับ 1 ตกเป็นของ “การพูดแทรกขึ้นมา โดยไม่ยอมฟังให้จบเสียก่อน” ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าประโยคที่พูดแทรกขึ้นมาเริ่มต้นด้วยคำว่า “แต่” แล้วละก็เป็นอะไรที่แย่สุดๆไปเลย พาลจะทำให้บทสนทนาดุเดือดไปเลยน่ะสิ“插嘴,不愿意先把话听完”成为第一名,比这更糟糕的是:用“但是”来插嘴,这或许才是最糟糕的情况,对话完全无法正常进行。
词汇学习:
หงุดหงิด急躁 ลนลาน慌忙,惊慌失措 คลุมเครือ含糊,不明确 แทรก插入 แก้ตัว辩解
本双语文章的中文翻译系沪江泰语原创内容,转载请注明出处。中文翻译仅代表译者个人观点,仅供参考。如有不妥之处,欢迎指正。
本周最热文章